10 อันดับ เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี 2024

เครื่องดูดความชื้น (dehumidifier) มีประโยชน์มากมาย ได้แก่

  • ปรับอากาศในบ้าน: เครื่องลดความชื้นช่วยลดความชื้นในอากาศภายในบ้าน ทำให้บ้านมีอากาศที่สดชื่นและไม่อับชื้นมากเกินไป ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดความชื้นสูงที่อาจทำให้เกิดโรคพืช รอยขาด และการเสียดสีของผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้
  • ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์: ความชื้นสูงสามารถทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านได้ โดยเครื่องลดความชื้นจะช่วยลดความชื้นที่เป็นที่อยู่ของเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • ป้องกันการเสียดสี: ความชื้นสูงอาจทำให้ผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเสียดสีได้ การใช้เครื่องลดความชื้นช่วยลดความชื้นในอากาศภายในบ้าน จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้
  • สุขภาพ: ความชื้นสูงสามารถทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียได้ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ ซึ่งเครื่องลดความชื้นช่วยลดความชื้นในอากาศและลดโอกาสในการเกิดโรคนี้
  • ควบคุมการเจริญเติบโตของแมลง: ความชื้นสูงเป็นสถานที่ที่แมลงชอบมาอาศัย เช่น ยุง และแมลงอื่นๆ การลดความชื้นในบ้านช่วยลดการเจริญเติบโตของแมลงเหล่านี้ได้

10 อันดับ เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี

1

LG เครื่องดูดความชื้น รุ่น MD19GQGA1.ATH

2

Bwell เครื่องดูดความชื้น รุ่น BDH-53

3

HAFELE เครื่องดูดความชื้น รุ่น ECOM-292

4

Simplus เครื่องดูดความชื้น รุ่น CUSH002

5

Deerma เครื่องดูดความชื้น รุ่น CS50M

6

Xiaomi Smart Dehumidifier

7

Simplus เครื่องดูดความชื้น รุ่น CUSH001

8

SHARP เครื่องดูดความชื้น รุ่น DW-D20A-W

9

HOMEMATE รุ่น HOM-1660D2

10

Ksrain เครื่องดูดความชื้น

เครื่องดูดความชื้น ยอดนิยม ขายดี - ประจำเดือน

แบรนด์ดัง เครื่องดูดความชื้น ยอดนิยม

วิธีการเลือกเครื่องดูดความชื้น

เมื่อคุณต้องการเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้น มีบางข้อสำคัญที่ควรพิจารณาดังนี้:

  1. ประสิทธิภาพในการลดความชื้น: เลือกเครื่องที่มีประสิทธิภาพในการลดความชื้นในพื้นที่ของคุณ ควรเลือกเครื่องที่สามารถลดความชื้นในพื้นที่ที่คุณต้องการให้เหมาะสม เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก หรือพื้นที่ใหญ่ๆ เป็นต้น

  2. ความจุของถังน้ำ: ควรพิจารณาความจุของถังน้ำของเครื่อง โดยความจุนี้จะมีผลต่อความสามารถในการทำงานต่อเนื่องโดยไม่ต้องเติมน้ำบ่อยครั้ง

  3. ระบบการควบคุม: เลือกเครื่องที่มีระบบควบคุมความชื้นที่มีความสามารถในการปรับความชื้นได้ตามต้องการ เช่น ระบบควบคุมด้วยความชื้นสัมพัทธ์ (RH) หรือระบบอัตโนมัติที่สามารถตั้งค่าได้

  4. ค่าใช้จ่าย: พิจารณางบประมาณที่คุณสามารถใช้ได้สำหรับการซื้อเครื่องลดความชื้น ควรคำนึงถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องตามราคาที่คุณจะจ่าย

  5. ความเงียบ: หากคุณต้องการใช้เครื่องลดความชื้นในพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ เลือกเครื่องที่มีระบบการทำงานที่เงียบสงบ

  6. ความสะดวกในการบำรุงรักษา: ควรพิจารณาความสะดวกในการดูแลรักษาเครื่องลดความชื้น เช่น การทำความสะอาดและการบำรุงรักษา

  7. ระบบการนำอากาศออก: ควรพิจารณาว่าเครื่องที่คุณเลือกมีระบบการนำอากาศออกอย่างไร เพื่อป้องกันการเกิดความชื้นในพื้นที่อื่นของบ้าน

  8. การบริโภคพลังงาน: เลือกเครื่องที่มีความสามารถในการประหยัดพลังงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานในระยะยาว