10 อันดับ มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี 2024

       มอยส์เจอไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับทาผิวเพื่อลดหรือป้องกันภาวะผิวแห้ง ลอก คัน หรือระคายเคือง โดยจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น
       การแบ่งประเภทของมอยส์เจอไรเซอร์นั้นมีหลายแบบ อาจจำแนกตามประเภทของเนื้อสัมผัส เช่น โลชั่น ครีม ขี้ผึ้ง หรืออาจจำแนกตามองค์ประกอบ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทฐานน้ำมัน (Oil-based moisturizer) และมอยส์เจอไรเซอร์ ประเภทฐานน้ำ (Water-based moisturizer) โดยแต่ละเนื้อสัมผัสหรือองค์ประกอบในตำรับจะเหมาะสมแตกต่างกันไปขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด เราควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง

10 อันดับ มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี

1

CERAVE Moisturising Cream สำหรับผิวแห้งมาก

2

SKINTIFIC 5X Ceramide Barrier Moisturizer Gel

3

Cetaphil Moisturising Cream

4

SRICHAND Skin Moisture Burst Gel Cream

5

Mizumi Cica Soothing Moisture Gel

6

La Roche-Posay Effaclar DUO+M มอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเป็นสิว

7

Kiehls Ultra Facial Cream คีลส์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้า

8

GRAVICH Cream กราวิช มอยซ์เจอไรเซอร์ครีม

9

Estee Lauder Revitalizing Supreme+ Youth Power Creme

10

Vichy Liftactiv Supreme Day มอยซ์เจอร์บำรุง สูตรกลางวัน

มอยเจอร์ไรเซอร์ ยอดนิยม ขายดี - ประจำเดือน

แบรนด์ดัง มอยเจอร์ไรเซอร์ ยอดนิยม

คำแนะนำในการเลือกซื้อ มอยเจอร์ไรเซอร์

      การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวมีสุขภาพดี โดยหลักการพื้นฐานสำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ดูเเลผิวหน้า คือ ผลิตภัณฑ์นั้นควรปราศจากน้ำหอม สารกระตุ้นการแพ้หรือสารก่อการระคายเคือง และไม่ก่อให้เกิดสิว เพราะองค์ประกอบดังกล่าว หากมีในตำรับอาจส่งผลต่อสุขภาพผิวได้

สำหรับการเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวนั้น ขอแยกตามประเภทของผิวหน้า ดังนี้
 
  1. ผิวปกติ (Normal skin): ลักษณะผิวไม่แห้งหรือมันจนเกินไป สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบโลชั่น เพื่อที่จะได้รู้สึกแห้งเร็ว เบาสบายผิว ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะจนเกินไป หรือหากต้องการความชุ่มชื้นมากๆ ก็สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นฐานน้ำมันได้ (Oil-based moisturizer) แต่เวลาที่ใช้อาจปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ เช่น ถ้าอยู่ในประเทศที่มีอากาศเย็นหรือหนาว สามารถทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นฐานน้ำมันได้ทั้งเช้าและเย็น แต่หากอยู่ในประเทศที่มีอากาศค่อนข้างร้อน แนะนำให้ทาช่วงก่อนนอน จะได้ไม่เกิดความเหนียวเหนอะหนะระหว่างวัน
  2. ผิวแห้ง (Dry skin): ลักษณะผิวจะค่อนข้างแห้งและขาดน้ำ จึงควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ฐานน้ำมัน (Oil-based moisturizer) ที่ประกอบไปด้วยน้ำมันสำหรับบำรุงผิวเป็นส่วนประกอบ เพื่อให้น้ำมันเคลือบผิวไม่ให้ความชื้นจากผิวระเหยออกไป ซึ่งเนื้อของผลิตภัณฑ์อาจมีความข้นหรือหนืดมากกว่าปกติ หากท่านใดมีผิวที่แห้งมากเป็นพิเศษ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเป็นขี้ผึ้งซึ่งมีความสามารถในการคลือบผิว ทำให้ลดการระเหยของน้ำได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ชนิดโลชั่นหรือครีม แต่ข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์เนื้อขี้ผึ้งคือ จะก่อให้เกิดความมันบนผิว อาจทำให้ไม่สะดวกหากทาตอนกลางวัน จึงแนะนำให้ทาตอนก่อนนอน
  3. ผิวมัน (Oily skin): ลักษณะจะเป็นผิวที่มันวาวเนื่องจากมีการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากกว่าปกติ และอาจมีสิวด้วยในบางคน คนส่วนใหญ่จึงคิดว่ามอยส์เจอไรเซอร์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับคนผิวมัน อย่างไรก็ดี ผิวประเภทนี้ยังต้องการความชุ่มชื้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ล้างหน้าเสร็จ มอยส์เจอไรเซอร์ที่แนะนำให้ใช้จะเป็นแบบฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ที่อาจอยู่ในรูปแบบโลชั่นเหลว ซึ่งเมื่อเทียบกับครีมเเล้ว โลชั่นจะมีน้ำเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ในตำรับ มีผลดีคือจะก่อให้เกิดสิวน้อยกว่า นอกจากนี้ คนผิวหน้ามันควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็นสารที่เป็นน้ำมัน เช่น น้ำมันมะพร้าว โกโก้บัทเตอร์ (Cacao butter) หรือปิโตรเลียมเจลลี่ (Petroleum jelly)
  4. ผิวผสม (Combination skin): ลักษณะผิวบางบริเวณจะแห้งและบางบริเวณ เช่น หน้าผาก จมูก คาง จะมีความมัน อาจเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความหนืดเเละให้ความชุ่มชื้นปานกลาง เป็นเนื้อโลชั่นกึ่งครีม หรืออาจเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละส่วน เช่น ส่วนที่แห้ง ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวแห้ง และส่วนที่มัน ให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวมัน